ข่าวดี SMEs! รัฐช่วยจ่ายค่า Digital Transformation ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สูงสุด 300,000 บาท สำหรับการลงทุนซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัล ถึงสิ้นปี 2570

ข่าวดีสำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการปรับตัว แต่อาจเป็นโอกาสทองในการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อล่าสุดได้มีมาตรการภาษีใหม่แกะกล่อง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันมากขึ้น หรือที่เราคุ้นหูกันว่า Digital Transformation นั่นเอง
พูดง่าย ๆ ก็คือ รัฐบาลพร้อมช่วยคุณจ่าย เพื่อให้ธุรกิจของคุณทันสมัยและแข่งขันในโลกยุคดิจิทัลได้แบบสบาย ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่ามาตรการนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร
มาตรการนี้คืออะไร? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 3 ข้อ
"มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแปลงเป็นดิจิทัล (Digital Transformation)" เป็นนโยบายจากกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร ที่ต้องการส่งเสริมให้ SMEs นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ
ลดหย่อนภาษี 2 เท่า: SMEs สามารถนำรายจ่ายจากการซื้อ, จ้างทำ หรือใช้บริการซอฟต์แวร์, ฮาร์ดแวร์ และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ไปหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ถึง 2 เท่า!
วงเงินสูงสุด 300,000 บาท: โดยกำหนดเพดานสำหรับรายจ่ายในส่วนนี้ไว้ไม่เกิน 300,000 บาท
มีผลถึงสิ้นปี 2570: สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้สำหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570
ใครมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์?
มาตรการนี้ออกแบบมาเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อยที่ต้องตรวจสอบให้ดี ธุรกิจของคุณจะเข้าเกณฑ์หากมีคุณสมบัติดังนี้
- เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
- มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท (ในวันสุดท้ายของรอบบัญชี)
- มีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี (ในรอบระยะเวลาบัญชี)
ถ้าธุรกิจของคุณเข้าเงื่อนไขทั้งหมดนี้ ก็เตรียมตัวอัปเกรดธุรกิจสู่โลกดิจิทัลได้เลย!
"หักรายจ่าย 2 เท่า" ช่วยประหยัดได้อย่างไร?
หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าการ "หักรายจ่าย 2 เท่า" นั้นหมายความว่าอย่างไร ลองดูตัวอย่างง่าย ๆ นี้
สมมติว่า บริษัท A ซึ่งเป็น SME ที่เข้าเกณฑ์ ได้ลงทุนซื้อซอฟต์แวร์บริหารจัดการสต็อกสินค้าในราคา 100,000 บาท
จากเดิม: บริษัท A จะนำค่าใช้จ่าย 100,000 บาทนี้ ไปหักออกจากกำไรเพื่อคำนวณภาษีได้แค่ครั้งเดียว
ตามมาตรการใหม่: บริษัท A สามารถนำค่าใช้จ่าย 100,000 บาท ไปหักลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า หรือคิดเป็น 200,000 บาท
เมื่อหักค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น กำไรสุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีก็จะน้อยลง ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว บริษัท A จะจ่ายภาษีน้อยลง นั่นเอง เท่ากับว่ารัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านดิจิทัลให้คุณไปในตัว
ลงทุนอะไรได้บ้าง?
ไม่ใช่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจะสามารถนำมาลดหย่อนได้ เนื่องจากมาตรการนี้เน้นไปที่การลงทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลจริง ๆ โดยสินค้าและบริการนั้นจะต้องขึ้นทะเบียนในบัญชีบริการดิจิทัลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เสียก่อน
ตัวอย่างเช่น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software): เช่น โปรแกรมบัญชี, โปรแกรมบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM), ระบบจัดการร้านค้า (POS)
ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware & Smart Devices): ไม่รวมคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่หมายถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานเฉพาะทางมากขึ้น
บริการด้านดิจิทัล (Digital Services): เช่น บริการ Cloud Storage, บริการด้าน E-commerce, การตลาดดิจิทัล
ข้อควรจำ: ค่าใช้จ่ายในการซื้อ "เครื่องคอมพิวเตอร์" ทั่วไป ไม่สามารถนำมาใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ได้
การที่ SMEs หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น จะช่วยอะไรบ้าง
1. ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ลดการใช้กระดาษ และทำให้การจัดการข้อมูลเป็นระบบมากขึ้น
2. เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น: ผ่านช่องทางออนไลน์และการตลาดดิจิทัล
3. ลดต้นทุนในระยะยาว: แม้จะต้องลงทุนในตอนแรก แต่เทคโนโลยีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ และเพิ่มกำไรได้ในอนาคต
4. สร้างความน่าเชื่อถือ: การมีระบบการจัดการที่ดีช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจ
นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะนำพาธุรกิจของตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล