Logo-สำนักงานบัญชี-ARAC
SMEs ยุคใหม่ต้องไปให้สุด! รัฐช่วยเปย์ ดันธุรกิจสู่ดิจิทัลเต็มตัว
อัปเดตล่าสุด : 02/10/2025

ข่าวดี SMEs! รัฐช่วยจ่ายค่า Digital Transformation ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สูงสุด 300,000 บาท สำหรับการลงทุนซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัล ถึงสิ้นปี 2570

ข่าวดีสำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการปรับตัว แต่อาจเป็นโอกาสทองในการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อล่าสุดได้มีมาตรการภาษีใหม่แกะกล่อง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันมากขึ้น หรือที่เราคุ้นหูกันว่า Digital Transformation นั่นเอง

พูดง่าย ๆ ก็คือ รัฐบาลพร้อมช่วยคุณจ่าย เพื่อให้ธุรกิจของคุณทันสมัยและแข่งขันในโลกยุคดิจิทัลได้แบบสบาย ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่ามาตรการนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร

 

มาตรการนี้คืออะไร? สรุปให้เข้าใจง่ายใน 3 ข้อ

"มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแปลงเป็นดิจิทัล (Digital Transformation)" เป็นนโยบายจากกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร ที่ต้องการส่งเสริมให้ SMEs นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ

ลดหย่อนภาษี 2 เท่า: SMEs สามารถนำรายจ่ายจากการซื้อ, จ้างทำ หรือใช้บริการซอฟต์แวร์, ฮาร์ดแวร์ และบริการดิจิทัลต่าง ๆ ไปหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ถึง 2 เท่า!

วงเงินสูงสุด 300,000 บาท: โดยกำหนดเพดานสำหรับรายจ่ายในส่วนนี้ไว้ไม่เกิน 300,000 บาท

มีผลถึงสิ้นปี 2570: สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้สำหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570

 

ใครมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์?

มาตรการนี้ออกแบบมาเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อยที่ต้องตรวจสอบให้ดี ธุรกิจของคุณจะเข้าเกณฑ์หากมีคุณสมบัติดังนี้

  • เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
  • มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท (ในวันสุดท้ายของรอบบัญชี)
  • มีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี (ในรอบระยะเวลาบัญชี)

ถ้าธุรกิจของคุณเข้าเงื่อนไขทั้งหมดนี้ ก็เตรียมตัวอัปเกรดธุรกิจสู่โลกดิจิทัลได้เลย!

 

"หักรายจ่าย 2 เท่า" ช่วยประหยัดได้อย่างไร?

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าการ "หักรายจ่าย 2 เท่า" นั้นหมายความว่าอย่างไร ลองดูตัวอย่างง่าย ๆ นี้

สมมติว่า บริษัท A ซึ่งเป็น SME ที่เข้าเกณฑ์ ได้ลงทุนซื้อซอฟต์แวร์บริหารจัดการสต็อกสินค้าในราคา 100,000 บาท

จากเดิม: บริษัท A จะนำค่าใช้จ่าย 100,000 บาทนี้ ไปหักออกจากกำไรเพื่อคำนวณภาษีได้แค่ครั้งเดียว

ตามมาตรการใหม่: บริษัท A สามารถนำค่าใช้จ่าย 100,000 บาท ไปหักลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า หรือคิดเป็น 200,000 บาท

 

เมื่อหักค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น กำไรสุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีก็จะน้อยลง ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว บริษัท A จะจ่ายภาษีน้อยลง นั่นเอง เท่ากับว่ารัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านดิจิทัลให้คุณไปในตัว

                 

ลงทุนอะไรได้บ้าง?

ไม่ใช่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจะสามารถนำมาลดหย่อนได้ เนื่องจากมาตรการนี้เน้นไปที่การลงทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลจริง ๆ โดยสินค้าและบริการนั้นจะต้องขึ้นทะเบียนในบัญชีบริการดิจิทัลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เสียก่อน

ตัวอย่างเช่น            

โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software): เช่น โปรแกรมบัญชี, โปรแกรมบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM), ระบบจัดการร้านค้า (POS)

ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Hardware & Smart Devices): ไม่รวมคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่หมายถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงานเฉพาะทางมากขึ้น

บริการด้านดิจิทัล (Digital Services): เช่น บริการ Cloud Storage, บริการด้าน E-commerce, การตลาดดิจิทัล

 

ข้อควรจำ: ค่าใช้จ่ายในการซื้อ "เครื่องคอมพิวเตอร์" ทั่วไป ไม่สามารถนำมาใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ได้

 

การที่ SMEs หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น จะช่วยอะไรบ้าง

1. ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ลดการใช้กระดาษ และทำให้การจัดการข้อมูลเป็นระบบมากขึ้น

2. เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น: ผ่านช่องทางออนไลน์และการตลาดดิจิทัล

3. ลดต้นทุนในระยะยาว: แม้จะต้องลงทุนในตอนแรก แต่เทคโนโลยีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ และเพิ่มกำไรได้ในอนาคต

4. สร้างความน่าเชื่อถือ: การมีระบบการจัดการที่ดีช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจ

 

นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะนำพาธุรกิจของตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล

บริการ
ข่าว
Copyright © 2025 A.R. Accounting & Consultant Co., Ltd. All Right reserved.