ผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 เตรียมเกษียณ! บทความนี้สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ทั้งบำเหน็จและบำนาญ พร้อมเงื่อนไขการรับเงินและสิทธิประโยชน์ที่ทายาทจะได้รับ

การวางแผนเพื่อวัยเกษียณเป็นเรื่องสำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือนและผู้ประกันตนทุกคน กองทุนประกันสังคมถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้เราได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข วันนี้เราจะมาสรุปสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 แบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสิทธิ์และวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ
เช็กก่อน! ใครมีสิทธิ์รับเงินชราภาพ?
ก่อนจะไปดูรายละเอียดของเงินที่จะได้รับ เรามาตรวจสอบเงื่อนไขเบื้องต้นของผู้มีสิทธิ์กันก่อน ซึ่งไม่ซับซ้อนอะไรเลย
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงแล้ว (หรือลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน)
นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพจะถูกจ่ายเมื่อผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตด้วย ซึ่งสิทธิ์จะตกเป็นของทายาทต่อไป โดยปัจจุบันการรับเงินสะดวกสบายขึ้นมากผ่านบริการ "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน
เลือกรับแบบไหน? ระหว่าง "บำเหน็จ" (เงินก้อน) หรือ "บำนาญ" (เงินรายเดือน)
สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ขึ้นอยู่กับ "ระยะเวลา" ที่เราจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
1. เงินบำเหน็จชราภาพ (รับเงินก้อนครั้งเดียว)
เหมาะสำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบยังไม่ครบ 15 ปี โดยแบ่งเป็น 2 กรณี
จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน:
คุณจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินสมทบ เฉพาะส่วนของผู้ประกันตน ที่เคยจ่ายไป
จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 180 เดือน (15 ปี):
คุณจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินสมทบ ส่วนของผู้ประกันตน + ส่วนของนายจ้าง พร้อมผลประโยชน์ตอบแทนประจำปีที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
2. เงินบำนาญชราภาพ (รับเงินรายเดือนตลอดชีวิต)
สำหรับผู้ที่วางแผนระยะยาวและส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหลักประกันรายได้หลังเกษียณ
จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) พอดี
คุณจะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ในอัตรา 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ฐานค่าจ้างที่ใช้คำนวณสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท)
ตัวอย่าง: หากค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายของคุณคือ 15,000 บาท คุณจะได้รับบำนาญเดือนละ: 15,000×20%=3,000 บาท
จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
ทุก ๆ 12 เดือนที่จ่ายเกินจาก 180 เดือนแรก คุณจะได้รับอัตราบำนาญ เพิ่มขึ้นอีก 1.5%
ตัวอย่าง: หากคุณจ่ายเงินสมทบมาทั้งหมด 20 ปี (240 เดือน) เท่ากับจ่ายเกินมา 5 ปี (60 เดือน)
อัตราเงินบำนาญที่จะได้เพิ่มคือ: 1.5%×5=7.5%
อัตราเงินบำนาญทั้งหมดของคุณคือ: 20%+7.5%=27.5%
หากค่าจ้างเฉลี่ยคือ 15,000 บาท คุณจะได้รับบำนาญเดือนละ: 15,000×27.5%=4,125 บาท
กรณีผู้รับบำนาญเสียชีวิต ทายาทจะได้รับอะไร?
ประกันสังคมมีหลักประกันให้ทายาทของผู้รับบำนาญที่เสียชีวิต โดยมีหลักการสำคัญคือ "หลักประกันการจ่ายเงินบำนาญ 60 เดือน"
กรณีที่ 1: เสียชีวิตภายใน 60 เดือน (5 ปี) นับจากเดือนแรกที่รับบำนาญ
ทายาทผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเป็นเงินก้อนครั้งเดียว โดยคำนวณจาก
เงินบำนาญเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต × จำนวนเดือนที่ยังรับไม่ครบ 60 เดือน
ตัวอย่าง: นาย ก. รับบำนาญเดือนละ 3,500 บาท แต่รับไปได้เพียง 20 เดือนแล้วเสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงิน = 3,500×(60−20)=3,500×40=140,000 บาท
กรณีที่ 2: รับบำนาญแล้วกลับไปเป็นผู้ประกันตนอีกครั้ง ต่อมาเสียชีวิต
หากรวมระยะเวลาที่รับบำนาญมายังไม่ครบ 60 เดือน ทายาทจะได้รับเงินในลักษณะเดียวกัน คือ เงินบำนาญก่อนกลับไปเป็นผู้ประกันตน × จำนวนเดือนที่เหลือจนครบ 60 เดือน
กรณีพิเศษ: หากรับเงินบำนาญมาแล้ว และเหลือจำนวนเดือนที่จะได้รับไม่ถึง 10 เดือน
เมื่อผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับ เงินบำนาญเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต × 10 เท่า
การทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ของตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเงินและตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างสบายใจและมั่นคง อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลการนำส่งเงินสมทบของคุณผ่านแอปพลิเคชัน SSO Connect หรือเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมอยู่เสมอ