การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ ภ.ง.ด.50 ถือเป็นภารกิจสำคัญประจำปีที่ผู้ประกอบการนิติบุคคลทุกแห่งในประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

บทความนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็น "ผู้ช่วย" คนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกท่าน โดยจะเจาะลึกทุกแง่มุมของ ภ.ง.ด.50 ตั้งแต่ความหมายพื้นฐาน ผู้มีหน้าที่ยื่น กำหนดเวลา เอกสารที่ต้องเตรียม ช่องทางการยื่น ไปจนถึงบทลงโทษ และที่สำคัญคือเคล็ดลับที่จะช่วยให้การยื่นภาษีประจำปีของคุณเป็นเรื่องง่าย ลดข้อผิดพลาด และเป็นไปตามกำหนดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลล่าสุดที่อัปเดตสำหรับรอบปีบัญชี 2567 เตรียมตัวให้พร้อม เพราะ "อ่านจบ ยื่นเป็น ปลอดภัยจากค่าปรับ!" คือสิ่งที่คุณจะได้รับจากคู่มือฉบับนี้
ภ.ง.ด.50 คืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการนิติบุคคลต้องใส่ใจ?
ความหมายและความสำคัญของ ภ.ง.ด.50
ภ.ง.ด.50 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี ซึ่งบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือนิติบุคคลประเภทอื่น ๆ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีหน้าที่ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร. แบบฟอร์มนี้เปรียบเสมือนรายงานสรุปผลการดำเนินงานตลอดรอบระยะเวลาบัญชีของกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก "กำไรสุทธิทางภาษี" ซึ่งหมายถึงกำไรที่คำนวณได้จากรายได้ของกิจการหักด้วยรายจ่ายต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่ประมวลรัษฎากรกำหนด
การยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การชำระภาษีตามหน้าที่เท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนที่สำคัญของสุขภาพทางการเงินและความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีกด้วย ข้อมูลที่ปรากฏในแบบ ภ.ง.ด.50 และงบการเงินที่แนบประกอบ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จะถูกนำไปใช้ประเมินโดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถาบันการเงินอาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หรือคู่ค้าอาจใช้เพื่อประเมินความมั่นคงของกิจการก่อนตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน ดังนั้น การจัดทำและยื่น ภ.ง.ด.50 อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใส จึงส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกิจการในวงกว้าง
วัตถุประสงค์ของการยื่นแบบ
การกำหนดให้นิติบุคคลต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 มีวัตถุประสงค์หลายประการ ได้แก่
- เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรของผู้ประกอบการ
- เพื่อเป็นกลไกในการกำกับดูแลและป้องกันการหลีกเลี่ยงหรือการชำระภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วนของนิติบุคคล
- เพื่อให้รัฐมีข้อมูลภาพรวมผลประกอบการของภาคธุรกิจ ซึ่งสามารถนำไปใช้วางแผนนโยบายทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศได้.
การยื่น ภ.ง.ด.50 จึงเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดเก็บภาษีที่มุ่งสร้างความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ โดยทำให้มั่นใจได้ว่านิติบุคคลทุกรายเสียภาษีตามภาระที่ควรจะเป็น เมื่อทุกกิจการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ย่อมส่งผลดีต่อการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นธรรมและความโปร่งใสของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศ
ใครบ้างมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50? เช็กเลย!
ประเภทนิติบุคคลที่ต้องยื่น
ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ครอบคลุมนิติบุคคลหลากหลายประเภท ดังนี้
- บริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด รวมถึงห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ แต่ประกอบกิจการในประเทศไทย
- กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งเป็นการรวมตัวของนิติบุคคลตั้งแต่สองรายขึ้นไปเพื่อประกอบกิจการร่วมกัน
- มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ เช่น การขายสินค้าหรือให้บริการ แต่ไม่รวมถึงรายได้ประเภทค่าลงทะเบียนหรือเงินที่ได้รับจากการบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ นิติบุคคลเหล่านี้ มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 แม้ว่าในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ๆ จะไม่มีรายได้เกิดขึ้น หรือมีผลประกอบการขาดทุนก็ตาม การบังคับให้ยื่นแบบในทุกกรณีเช่นนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเพียงการจัดเก็บภาษี (ซึ่งอาจไม่มีในกรณีขาดทุน) แต่เป็นการยืนยันสถานะการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นๆ ต่อกรมสรรพากร ช่วยให้กรมสรรพากรมีข้อมูลที่ครบถ้วนในการติดตามและตรวจสอบนิติบุคคลทั้งหมดที่จดทะเบียนในระบบ ป้องกันปัญหาการ "หายตัว" ของนิติบุคคลเพื่อหลีกเลี่ยงภาระผูกพันทางภาษีหรือกฎหมายอื่น ๆ ในอนาคต และยังช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางธุรกิจของประเทศ
กรณียกเว้น (ถ้ามี)
แม้ว่าโดยหลักการแล้วนิติบุคคลส่วนใหญ่จะต้องยื่น ภ.ง.ด.50 แต่ก็มีบางกรณีที่อาจได้รับการยกเว้นการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งอาจรวมถึง:
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามสัญญาว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจหรือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ
- บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เฉพาะในส่วนของกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในบัตรส่งเสริม
- บริษัทที่ได้รับยกเว้นตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจคือ การได้รับยกเว้น "การเสียภาษี" ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับยกเว้น "การยื่นแบบ" เสมอไป ในหลายกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกิจการที่ได้รับสิทธิ BOI อาจยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 เพื่อแสดงรายละเอียดของรายได้ที่ได้รับยกเว้นและรายได้ที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษี รวมถึงการปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กำหนด. ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เข้าข่ายอาจได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับกรณีของตนเองอย่างละเอียด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน
ปักหมุด! กำหนดเวลา ยื่น ภ.ง.ด.50 (อัปเดตรอบปีบัญชี 2567)
การยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ให้ทันตามกำหนดเวลาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและเงินเพิ่มที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว นิติบุคคลมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีของตน
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567
สำหรับนิติบุคคลส่วนใหญ่ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 กำหนดการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 จะเป็นดังนี้ (อ้างอิงข้อมูลจากแนวปฏิบัติของกรมสรรพากรในปีก่อนๆ และหลักการนับ 150 วัน และ 158 วันสำหรับการยื่นออนไลน์) :
- ต้องยื่นภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 (นับเป็น 150 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568)
- (E-Filing) ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th): สามารถยื่นได้ภายในวันที่ 9 มิถุนายน 2568 (กรมสรรพากรมักขยายเวลาให้อีก 8 วันสำหรับการยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต รวมเป็น 158 วัน)
การยื่นแบบผ่านช่องทางออนไลน์ไม่เพียงแต่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน และช่วยลดการใช้กระดาษเท่านั้น แต่ประโยชน์ที่สำคัญมากคือ "การได้รับการขยายระยะเวลายื่นแบบ". การขยายเวลาให้กับการยื่นออนไลน์อย่างต่อเนื่องนี้ สะท้อนถึงนโยบายของกรมสรรพากรที่ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งในระยะยาวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภาษีทั้งในฝั่งของผู้เสียภาษีเองและในฝั่งของกรมสรรพากร การปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิทัลจึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือก แต่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต
Checklist! เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนยื่น ภ.ง.ด.50
การเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนเป็นหัวใจสำคัญของการยื่น ภ.ง.ด.50 ให้ราบรื่นและถูกต้อง เอกสารหลักที่ต้องใช้ประกอบการยื่น มีดังนี้
หัวใจสำคัญ : งบการเงินที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (Auditor)
งบการเงินถือเป็นเอกสารหลักที่สะท้อนฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการ จะต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข (หรือมีเงื่อนไขตามกรณี) โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต งบการเงินชุดสมบูรณ์โดยทั่วไปประกอบด้วย :
- งบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet or Statement of Financial Position)
- งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (Statement of Comprehensive Income)
- งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (Statement of Changes in Equity) (สำหรับบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด)
- งบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flows) (สำหรับบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด)
- หมายเหตุประกอบงบการเงิน (Notes to the Financial Statements)
การที่กฎหมายกำหนดให้งบการเงินต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั้น เป็นการสร้างกลไกการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม (Third-party verification) ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่มีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่เข้มงวด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของข้อมูลทางการเงินที่นิติบุคคลนำส่งต่อกรมสรรพากรและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ
แบบ ภ.ง.ด.50
ตัวแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.50 ที่กรอกข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์. ผู้ประกอบการสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้จากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือดำเนินการกรอกข้อมูลโดยตรงผ่านระบบ E-Filing
- เอกสารประกอบการคำนวณภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษี (ถ้ามี)
- รายละเอียดการคำนวณกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ถ้ามีรายการ)
- รายละเอียดผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 รอบระยะเวลาบัญชี ก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน (ต้องแนบแบบแสดงรายละเอียดผลขาดทุนสะสมที่ขอยกมาหักเป็นรายจ่ายด้วย)
- หลักฐานการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) (ถ้ามี) เพื่อนำจำนวนภาษีที่ชำระไว้แล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระสำหรับรอบปีบัญชี
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ระหว่างปี และต้องการนำเครดิตภาษีนั้นมาใช้)
เอกสารหลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ เช่น เอกสารอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) (ถ้ามี), หลักฐานการบริจาค, เอกสารประกอบการขอหักค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น (เช่น ค่าจ้างผู้สูงอายุ, ค่าฝึกอบรม)