Logo-สำนักงานบัญชี-ARAC
ทำธุรกิจรับเงินมัดจำจากลูกค้า ต้องบันทึกบัญชีอย่างไรให้ถูกต้อง
อัปเดตล่าสุด : 11/06/2025
ผู้ประกอบการหลายรายอาจยังสับสนหรือไม่แน่ใจว่าควรบันทึกบัญชีเงินมัดจำที่ได้รับมานี้อย่างไรให้ถูกต้องตามหลักการบัญชีและข้อกำหนดทางภาษี

การดำเนินธุรกิจหลายประเภท โดยเฉพาะธุรกิจบริการ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หรือธุรกิจที่ต้องสั่งผลิตสินค้าเฉพาะ มักมีการเรียกเก็บ "เงินมัดจำ" (Deposit) หรือ "เงินรับล่วงหน้า" (Advance Payment) จากลูกค้าก่อนเริ่มดำเนินการหรือส่งมอบสินค้า/บริการ เงินจำนวนนี้เปรียบเสมือนหลักประกันว่าลูกค้าจะปฏิบัติตามข้อตกลง และช่วยให้ธุรกิจมีสภาพคล่องในการดำเนินงานเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายรายอาจยังสับสนหรือไม่แน่ใจว่าควรบันทึกบัญชีเงินมัดจำที่ได้รับมานี้อย่างไรให้ถูกต้องตามหลักการบัญชีและข้อกำหนดทางภาษี การบันทึกที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่การแสดงข้อมูลทางการเงินที่ผิดพลาด การเสียภาษีที่ไม่ถูกต้อง และอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกิจการได้ บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการและวิธีการบันทึกบัญชีเมื่อได้รับเงินมัดจำจากลูกค้าอย่างละเอียด

 

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย : เงินมัดจำ รายได้ทันที

 

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือ การบันทึกเงินมัดจำที่ได้รับเป็น "รายได้" (Revenue) ของกิจการในทันทีที่ได้รับเงินสดหรือเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งไม่ถูกต้อง

 

หัวใจสำคัญของการบันทึกบัญชีเงินมัดจำคือ หลักการรับรู้รายได้ ซึ่งกำหนดว่า กิจการจะรับรู้รายได้เมื่อ "ส่งมอบสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าเสร็จสิ้นแล้ว" และมีความแน่นอนว่าจะได้รับค่าตอบแทนนั้น แม้ว่ากิจการจะได้รับเงินมาก่อนล่วงหน้าก็ตาม

 

เงินมัดจำที่ได้รับจากลูกค้า จึงยังไม่ใช่รายได้ที่แท้จริงของกิจการ ณ วันที่ได้รับ แต่ถือเป็น "หนี้สิน" (Liability) ประเภทหนึ่ง เพราะกิจการมีภาระผูกพันที่จะต้องส่งมอบสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าในอนาคต หรืออาจต้องคืนเงินจำนวนนี้หากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้ หนี้สินประเภทนี้มักบันทึกไว้ในบัญชี "รายได้รับล่วงหน้า" (Unearned Revenue หรือ Deferred Revenue) หรือบางครั้งอาจใช้ชื่อบัญชีว่า "เงินมัดจำรับ" (Customer Deposits)

ความสำคัญของการบันทึกบัญชีให้ถูกต้อง

 

งบการเงินสะท้อนฐานะที่แท้จริง : การบันทึกเงินมัดจำเป็นหนี้สิน (รายได้รับล่วงหน้า) ช่วยให้งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) แสดงภาพรวมหนี้สินของกิจการได้ถูกต้อง

กำไร/ขาดทุนไม่ผิดเพี้ยน : การรับรู้รายได้เมื่อส่งมอบงาน/บริการแล้ว ทำให้งบกำไรขาดทุนแสดงผลการดำเนินงานที่แท้จริงในแต่ละรอบบัญชี ไม่เกิดการรับรู้รายได้สูงเกินจริงในงวดที่รับเงินมัดจำ

การเสียภาษีถูกต้อง : การออกใบกำกับภาษีและนำส่ง VAT ณ วันที่รับเงินมัดจำ ช่วยให้กิจการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการถูกประเมินภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ : ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องช่วยให้ผู้บริหารใช้ในการวางแผน ตัดสินใจ และบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

การรับเงินมัดจำจากลูกค้าเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ แต่การบันทึกบัญชีต้องทำอย่างระมัดระวังและถูกต้องตามหลักการ โดยต้องเข้าใจว่าเงินมัดจำคือ "หนี้สิน" ในรูปของ "รายได้รับล่วงหน้า" จนกว่ากิจการจะส่งมอบสินค้าหรือให้บริการเสร็จสิ้นจึงจะสามารถรับรู้เป็น "รายได้" ได้ นอกจากนี้ การจัดการด้านภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเงินมัดจำก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การบันทึกบัญชีและการจัดการภาษีที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยให้งบการเงินน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับมาตรฐาน แต่ยังช่วยให้กิจการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงทางกฎหมายอีกด้วย หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีหรือภาษีอากรเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

บริการ
ข่าว
Copyright © 2025 A.R. Accounting & Consultant Co., Ltd. All Right reserved.