Logo-สำนักงานบัญชี-ARAC
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ต้องเสียภาษีอย่างไร
อัปเดตล่าสุด : 11/06/2025
ภาระภาษีสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย

การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามภาระภาษีที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยต้องเผชิญกับภาษีหลายประเภท ซึ่งรวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้รับเหมาบุคคลธรรมดา, ภาษีหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ (ในบางกรณี), ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และอากรแสตมป์

การดำเนินโครงการก่อสร้างมักเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ซับซ้อนและโครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด ซึ่งแต่ละรูปแบบอาจมีผลกระทบทางภาษีที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ การรับรู้รายได้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาจมีความซับซ้อน เช่น การใช้วิธีการรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาระภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีรายได้เกินเกณฑ์ โดยสามารถยื่นคำขอจดทะเบียน (ภ.พ.01) ได้ที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ หรือผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร เมื่อจดทะเบียนแล้ว จะได้รับใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) และต้องแสดงไว้ ณ สถานประกอบการ

ปัจจุบัน อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ร้อยละ 7 ซึ่งเรียกเก็บจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของสินค้าและบริการ โดยทั่วไป บริการรับเหมาก่อสร้างถือเป็นบริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้รับเหมามีหน้าที่เรียกเก็บภาษีขาย (Output Tax) จากผู้ว่าจ้าง และมีสิทธิขอคืนภาษีซื้อ (Input Tax) ที่เกิดจากการซื้อสินค้าและบริการที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระคือผลต่างระหว่างภาษีขายและภาษีซื้อ ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) เป็นรายเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (หรือวันที่ 23 หากยื่นออนไลน์) พร้อมชำระภาษี (ถ้ามี) ธุรกิจที่จดทะเบียน VAT ต้องออกใบกำกับภาษีที่มีข้อมูลครบถ้วนให้กับลูกค้า และเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี

 

ภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา

ผู้รับเหมาบุคคลธรรมดาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมักรับรู้รายได้ตามสัดส่วนของงานที่ทำเสร็จ ค่าใช้จ่ายที่หักได้ต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจและมีเอกสารหลักฐาน การวางแผนภาษีที่ดี เช่น การเลือกรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม การติดตามค่าใช้จ่าย และการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ

 

4. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

โดยทั่วไป ผู้ว่าจ้างที่เป็นนิติบุคคลจะหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3 จากเงินที่จ่ายให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภาษีที่หักนี้ถือเป็นภาษีจ่ายล่วงหน้า ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมา ช่างหรือซัพพลายเออร์ก็อาจมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเช่นกัน โดยอัตราอาจแตกต่างกันไปตามประเภทการจ่ายเงิน ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ออกหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ให้ผู้รับเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปใช้เครดิตภาษีเงินได้ประจำปี ผู้จ่ายเงินต้องรายงานและนำส่งภาษีที่หักไว้ให้กับกรมสรรพากรเป็นรายเดือน

 

5. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT)

ภาษีธุรกิจเฉพาะอาจมีผลบังคับใช้กับการขายอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อหากำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขายภายใน 5 ปีนับจากการได้มา อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์โดยทั่วไปคือร้อยละ 3.3 ของรายรับหรือราคาประเมิน แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า ผู้ประกอบการที่ต้องเสีย SBT ต้องจดทะเบียนและยื่นแบบแสดงรายการ (ภธ. 40) เป็นรายเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป SBT แตกต่างจาก VAT โดย SBT ใช้กับธุรกิจที่ได้รับการยกเว้น VAT แต่ระบุไว้ในกฎหมาย

 

6. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ธุรกิจที่เป็นเจ้าของหรือครอบครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เช่น สำนักงาน หรือโกดัง มีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายปี อัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน และมูลค่าประเมิน ภาษีนี้จัดเก็บเป็นรายปีตามปีปฏิทิน และต้องชำระภายในสิ้นเดือนเมษายนของปีนั้น

 

7. อากรแสตมป์

 

สัญญารับเหมาก่อสร้างถือเป็นสัญญาจ้างทำของ ซึ่งต้องเสียอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาท ต่อทุกจำนวนเงินค่าจ้าง 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท ผู้รับเหมามีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์โดยการซื้อดวงแสตมป์ ติดบนสัญญา และขีดฆ่า การเสียอากรแสตมป์อย่างถูกต้องทำให้สัญญามีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย

 

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยมีภาระภาษีหลายประเภท การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรจัดทำและเก็บรักษาบันทึกทางการเงินที่ถูกต้อง ติดตามรายได้อย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามกำหนดเวลาในการยื่นแบบและชำระภาษีทุกประเภท จัดการภาษีหัก ณ ที่จ่ายอย่างถูกต้อง พิจารณาภาระภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงเสียอากรแสตมป์สำหรับสัญญาต่างๆ การใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลของกรมสรรพากรและการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บริการ
ข่าว
Copyright © 2025 A.R. Accounting & Consultant Co., Ltd. All Right reserved.