
ภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ ภาษีประเภทหนึ่งที่จัดเก็บจากกิจการบางประเภทตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นพิเศษ โดยแยกต่างหากจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กรมสรรพากรเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บภาษีนี้จากธุรกิจที่ดำเนินการในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะถูกนำมาใช้ในประเทศไทยพร้อมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อทดแทนภาษีการค้าที่ถูกยกเลิกไป มีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออุดช่องโหว่ของระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจัดเก็บภาษีจากธุรกิจที่ยากต่อการประเมินมูลค่าเพิ่ม เช่น ธุรกิจการเงิน เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มีรูปแบบการดำเนินงานที่ซับซ้อน ทำให้ยากต่อการระบุมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจริงจากการให้บริการ
ประเภทธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีดังนี้
ธุรกิจการเงิน : ธนาคารพาณิชย์ / ธุรกิจเงินทุน / ธุรกิจหลักทรัพย์ / ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และการประกอบการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เช่น การให้กู้ยืมเงินค้ำประกัน แลกเปลี่ยนเงินตรา ออก ซื้อ หรือขายตั๋วเงิน หรือรับส่งเงินไปต่างประเทศด้วยวิธีต่าง ๆ
ธุรกิจประกันชีวิต
กิจการโรงรับจำนำ
การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร เช่น การจัดสรรที่ดินขาย / การขายห้องชุด หรือคอนโด / การขายอาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดิน / การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าตามข้อ 1 – 3 แต่เฉพาะกรณีที่มีการแบ่งขาย หรือแบ่งแยกไว้เพื่อขาย / การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการ
ทั้งนี้ จะได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ หากถือครองอสังหาริมทรัพย์นานกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนานกว่า 1 ปี
การซื้อและขายคืนหลักทรัพย์
ธุรกิจแฟ็กเตอริ่ง
ธุรกิจอื่นๆ ที่กำหนด
ความแตกต่างระหว่างภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีมูลค่าเพิ่ม
แม้ว่าทั้งภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีมูลค่าเพิ่มจะจัดเก็บจากการซื้อขายสินค้าและบริการ แต่มีข้อแตกต่างอยู่ก็คือ ภาษีธุรกิจเฉพาะจะจัดเก็บจากธุรกิจเฉพาะบางประเภทที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากธุรกิจทั่วไป ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเหตุผลหลักในการแยกภาษีธุรกิจเฉพาะออกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ความลำบากในการประเมินมูลค่าเพิ่มในธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจการเงิน เป็นต้น
การยื่นแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ
ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการโดยใช้แบบ ภ.ธ.40 โดยแสดงประเภทกิจการ จำนวนเงินรายรับ จำนวนเงินภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีท้องถิ่นร้อยละ 10 ของภาษีธุรกิจเฉพาะ
โดยผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าจะมีรายรับในเดือนนั้นหรือไม่ สามารถยื่นแบบฯ ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือยื่นแบบทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร ซึ่งจะได้รับสิทธิขยายเวลายื่นแบบและชำระภาษีออกไปอีก 8 วัน หากภาษีในเดือนภาษีใดมีจำนวนไม่ถึง 100 บาท ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนนั้น แต่ยังคงต้องยื่นแบบแสดงรายการตามปกติ
วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ
เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล : ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล ที่สามารถนำไปใช้ในโครงการพัฒนาต่าง ๆ เช่น การศึกษาสาธารณะ การรักษาพยาบาล หรือโครงการสิ่งแวดล้อม
ควบคุมธุรกิจบางประเภท : ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นเครื่องมือในการควบคุมพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดยการใช้กลไกภาษีเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางสังคมและเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ หรือการผลิตสินค้าหรือบริการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรและลดมลพิษ
อุดช่องโหว่ของภาษีมูลค่าเพิ่ม : ภาษีธุรกิจเฉพาะช่วยจัดเก็บภาษีจากธุรกิจที่ประเมินมูลค่าเพิ่มได้ยาก เช่น ธุรกิจการเงิน
ผลกระทบของภาษีธุรกิจเฉพาะต่อธุรกิจ
ภาษีธุรกิจเฉพาะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต่างๆ ดังนี้
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น : ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นต้นทุนทางภาษีที่ธุรกิจต้องแบกรับ ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น
กำไรที่ลดลง : ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีธุรกิจเฉพาะอาจส่งผลให้กำไรของธุรกิจลดลง
การปรับตัวของธุรกิจ : ธุรกิจอาจต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบของภาษีธุรกิจเฉพาะ เช่น การปรับราคาสินค้าหรือบริการ การลดต้นทุน หรือการปรับโครงสร้างธุรกิจ ตัวอย่างเช่น การควบรวมกิจการ หรือการจัดตั้งบริษัทในเครือ เพื่อลดภาระภาษี